วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Leverage คืออะไร

ความหมายง่ายๆของ เลเวอเรจ (Leverage) คือ จำนวนเปอร์เซนที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณซื้อ 100 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน 1000$ เพื่อเปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน 1000$ แต่คุณกลับใช้แค่ 500 $ เท่านั้น เพื่อทำการเทรด สิ่งนี้แหระที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ หลักการณ์นี้ก็น้ำมาใช้กับตลาดForex

แต่โบรกเกอร์ฟอเร็กให้ คุณยืมถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด 1000$ คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหระครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดฟอเร็กไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณด้วย

เอาล่ะครับ หลายๆคนอาจจะงง เรามาดูกันเลยครับ ว่า Leverage ที่โบรกเกอร์ฟอเร็กได้กำหนดไว้มีเท่าไรบ้าง
โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะกำหนด Leverage ตั้งแต่
Leverage         
1:1
1:2
1:10
1:100
1:200
1:400
1:500
1:1000 เฉพาะบางโบรกเกอร์ เท่านั้นเช่นโบรก Exness และ Instaforex

ผมจะยกตัวอย่างการเทรดที่ Leverage 1:100
สมมติ ว่าผมต้องการซื้อ EUR ที่ 100 units ผมจะใช้เงินของผม 1  units เท่านั้นเพื่อซื้อ EUR 100 units  ถ้าซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.2750  เมื่อราคาขึ้นไปถึง 1.2800 ผลต่างของราคาเท่ากับ 50 pips  ผมพอใจแล้ว ก็ทำการขาย ผมได้กำไร 50 pips

มาดูตัวอย่างการคำนวณครับ จากหัวข้อ เรื่อง Pips และ Lot  ใครยังไม่ได้อ่านกลับไปอ่านนะครับ
(pip value / ราคาที่คุณปิด ) คูณด้วย Unit ที่คุณทำการ Buy Sell
=(0.001/1.2800)*100=0.39 $
หรือ ผมอาจจะคิดแบบนี้ สมมติว่า ผมต้องการซื้อ EUR ที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน EUR/USD =1.2750 เป็นจำนวน 100 $ ผมจึงใช้เงินของผม 1 $ บัญชีของผมเป็น Leverage 1:100 ดังนั้นผมต้องยืมโบรกเกอร์อีก 99$  เมื่อผมซื้อแล้ว ผมจะได้ EUR มา 78.43 Euro และเมื่อราคาขึ้นไป 1.2800 ผมได้ กำไร 50 pips ผมตัดสินใจขายยูโร ที่ผมซื้อมา จะได้ 78.43*1.2800=100.39 $  นี่คือกำไรของผม 100.39 $ แต่ผมได้ยืมโบรกเกอร์มา 99 $ ทางโบรกเกอร์จะหักเงินอัตโนมัติ แล้วที่เหลือก็คือ 1.39 $ สรุปคือ ถ้าได้กำไรมา 0.39 $ จากการเทรดเงิน 1 $ เมื่อราคาเคลื่อนที่ 50 pips

แต่ ปัจจุบันนี้ ทางโบรกเกอร์กำหนดให้เราแล้วว่าถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pip ถ้าเราซื้อ 1 $ เราจะได้ 0.01 $ ดังนั้นจากตัวอย่างข้างบน ได้มา 50 pips ผมจะได้เงิน 0.50$

Use Margin คือ จำนวนเงินที่เราใช้เทรดในแต่ละครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage  และ Use Margin
ประเภทของบัญชีในการเทรด Forex จะมีอยู่หลายประเภท แต่ที่หลักๆ ที่ใช้กันคือมีสามประเภทคือ
1.Standard Account
2.Mini Account
3.Micro Account
ผมจะเทียบความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage และ Use Margin ของ บัญชี Standard นะครับ

                                                                                                                                                             
            Leverage       ความต้องการเทรด              Use Margin
            1:100                1 lot(100,000$)                1000$
            1:200                1 lot(100,000$)                500$
            1:400                1 lot(100,000$)                250$

การเทรด 1 Lot คือ การใช้ Use Margin 1000 ดอลล่า เพื่อที่จะเทรดฟอเร็กซ์ โดยใช้
Leverage 1:100
  หมาย ความว่า คุณต้องมีเงินในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์มากกว่า 1000 $ คุณจึงจะเทรดที่ 1 Lot ได้ และการเปลี่ยนแปลงต่อจุด ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pips จะเท่ากับ 10 $  เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมีเงินแค่ 1000 $ แล้วคุณปล่อยให้ลบ 100 pips บัญชีของคุณก็จะโดน Margin Call ทันที ถ้าคุณไม่มี Margin โบรกเกอร์ก็จะตัดทันที
Leverage 1 :200 สิ่งที่แตกต่างของ Leverage 1:200 คือ จำนวนเงินที่ใช้เทรด Use Margin จะน้อยกว่า 1:100 แต่ การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pip เท่ากับ 10 $ เหมือนกัน

ไม่ว่าคุณจะเล่นที่ Leverage เท่าไร การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pips ก็ยังคงเท่าเดิม ซึ่งตอนนี้บางโบรกเกอร์ สร้าง Leverage  สูงๆ ขึ้นมาเพื่อให้พวก Scalper ที่เล่นสั้นๆ ลงเงินเยอะๆ อย่างเช่น  Loeverage 1:1000 ถ้าคุณมีเงิน 1000 $ ในบัญชี คุณสามารถเทรด 5 Lot ได้ ซึ่งก็หมายความว่า คุณต้องการให้ได้กำไร 50 $ ต่อ pips แต่ถ้าราคาไม่เป็นดังที่คุณต้องการ ราคาลบไป 20 pips
พอร์ตของคุณก็จะเกลี้ยงทันที

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,69.0.html

ความจริงเกี่ยวกับการเล่นหุ้น

1. ในตลาดอะไรก็เกิดขึ้นได้
ตลอดเวลาในตลาดมันจะมีตัวแปรที่คอยขับเคลื่อนตลาดที่เราไม่รู้จักอยู่ ขอแค่มีเทรดเทรดเดอร์เพียงคนเดียวที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในโลก ทำอะไรซักอย่างกับตลาด มันก็อาจจะทำให้การวิเคราะห์กราฟของเราผิดพลาดได้เสมอ ไม่ว่าเราจะเสียเวลากับการวิเคราะห์มานานแค่ไหน ศึกษาหาความรู้มาอย่างมากมาย หรือลงทุนไปกับมันมากเท่าไหร่ แต่ถ้ามองในมุมมองของตลาดแล้ว มันไมเกี่ยวกันกับการที่ตลาดจะขึ้น หรือจะลง ดังนั้นการที่เราคาดหวังในทิศทางของตลาดนั้น มันเพียงแต่จะทำให้จิตใจเราสับสน และขัดแย้งกันก็แค่นั้น

2. เราไม่จำเป็นต้องรู้ทิศทางของตลาดอย่างแม่นยำ ก็สามารถทำเงินได้
การเทรดหุ้นแต้ละครั้งมันมีเปอร์เซันได้ - เสียเป็นของมัน และตัวที่กำหนดสิ่งนี้คือ มุมมอง หรือระบบของเรา สมมุติต่อไปอีก 20 เทรด เรารู้ว่าเราจะได้ 12 และเสีย 8 แต่สิ่งที่เราไม่รู้คือเราจะได้ครั้งละเท่าไร และเราจะเสียครั้งละเท่าไร นี่เป็นสิ่งที่ทำให้การเล่นหุ้นเป็นเกมเกี่ยวกับความน่าจะเป็น หรือเป็นเกมนับเลข ยกตัวอย่าง นักเทรด 2 คน คนแรกมีโอกาสเทรดได้ 75% แต่จะได้แค่ครั้งละ 20 Pips และเสียครั้งละ 60 Pips เทรด 20 ครั้ง ผลที่ได้คือ 0 Pip ส่วนนักเทรดคนที่ 2 มีโอกาสเทรดได้แค่ 25% แต่จะได้ครั้งละ 100 Pips เสียครั้งละ 30 Pips 20 เทรด เขาจะได้ทั้งหมด 50 Pips เห็นไหมครับมันเป็นเกมบวกเลข - ลบเลข โอกาสแพ้ชนะแทบจะไม่มีผล ถ้าเรามี Money Management และ Risk-to-Reward ที่ดี และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจ นักเทรดคนแรกเขามีโอกาสชนะที่สูงมาก แต่เขากลับสู้คนที่ 2 ที่โอกาสชนะน้อกว่าไม่ได้ แล้วถ้าเขาไม่กลัวว่าเทรดที่ได้จะกลับมาเสียแล้วรีบปิด เขาจะได้มากเท่าไร ถ้าเขากล้าที่จะตัดขาดทุนแทนที่จะนั่งรอให้มันตีกลับมาบวก เขาจะเสียมากขนาดนั้นไหม มันเป็นเรื่องของความกลัวครับ ความกลัวในการเล่นหุ้นในความคิดผมนั้นมีอยู่ 3 อย่าง กลัวที่จะขาดทุน กลัวที่จะพลาดโอกาส และกลัวที่จะได้กำไรมากเกินไป อันสุดท้ายนี่หมายถึง การกลัวว่าเทรดที่ได้จะกลับมาเสียรีบปิดเร็วเกินไป เรียนรู้ที่จะควบคุมความกลัวแล้วการเทรดของเราจะดีขึ้น

3. มันมีเปอร์เซ็นได้ - เสียของแต่ละระบบ
ข้อได้ได้อธิบายในข้อ 2 ไปบ้างแล้ว เมื่อเรารู้ระบบของเราแล้ว ก็เหลืออีกสองอย่างที่เราต้องมี คือ Money Management กับ Mindset อันแรก Money Management บางคนบอกว่าไม่จำเป็น แต่ความจริงแล้วมันจำเป็นมากในการที่จะประสบผลสำเร็จในตลาด Forex ผมแนะนำว่าเทรดแต่ละเทรดควรจะเสียได้ไม่เกิน 2% ของบัญชีนะครับ การที่เราตั้งไว้น้อยแบบนี้มันก็ช่วยลดความกลัวของเราได้อีกทางหนึ่งนะครับ ประมาณว่าถึงเสียก็เสียแค่ 2% ลองเสี่ยงดูก็ได้ ลองทำดูนะครับ เชื่อผม อย่างที่สอง Mindset ก็คือระบความคิดของเรานั่นเอง ระบบความคิดทั่วไปของเราทุกคนใช้ไม่ได้กับตลาดนะครับ ระบบความคิดที่เทรดเดอร์ควรมีคือการมองในความเป็นได้ เคยสังเกตไหมครับว่าคนส่วนใหญ่จะบอกว่า "ถ้าเราเดาทิศทางของตลาดหุ้นถูกเราก็รวย" ไม่ใช่ "ถ้าเราคำนวณทิศทางของตลาดหุ้นถูกเราก็รวย" เดากับคำนวณมันต่างกันนะครับ ผมมีคำถาม 3 ข้อมาถามครับ ถ้าเราเจอจุดเข้าเทรดที่ดีมากจุดหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาเราเสียมาตลอด เราจะคิดยังไง ถ้าเราเข้ามาเจอว่าตลาดกำลังพุ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว เราจะคิดยังไง และถ้าเราจับเทรนใหญ่ในตลาดได้เทรนหนึ่ง แต่แล้วเมื่อไปถึงแค่ครึ่งทางราคามันก็เริ่มวกกลับทางเดิม  เราจะคิดยังไง และสุดท้าย ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่ว่ามานี้ขึ้น เราจะทำอะไร ฝากเก็บไปคิดนะครับ

4. ระบบบอกแค่ว่าสึ่งหนึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง
มันไม่ได้บอกว่าอะไรจะเกิด และอะไรจะไม่เกิด ถ้าพี่เคยคิดว่าเมื่อระบบบอกแบบนี้ มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ลง Lot หนัก หรือเทหมดหน้าตักได้ ผมว่ามันเสี่ยงมากเกินไปนะ
ครับ เพราะในตลาดอะไรก็เกิดขึ้นได้

5. ตลาดไม่เคยซ้ำกับในอดีต
ให้สนใจในปัจจุบันครับเป็นสำคัญครับ ตลาดมันแค่คล้ายกันกับในอดีต แต่มันไม่ซ้ำกับในอดีตแน่นอ

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,72.0.html

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เทคนิคการเทรด Forex สำหรับผู้เริ่มต้น

ตลาด forex ได้เปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไป มาหลายปีแล้ว, มีนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาในลงทุนในตลาดเพิ่มขึ้น ทุก ๆ เดือน โดยแต่ละคนก็หวังที่จะเข้ามาทำกำไร และเป็นเศรษฐี จากตลาด forex แต่ผลที่ได้ของนักลงทุนแต่ละคนนั้น ก็แตกต่างกันไป

การเทรดสำหรับ ผู้เริ่มต้น นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ซับซ้อนเลย ในความเป็นจริง คุณอาจจะช๊อกก็ได้ เมื่อผมจะบอกว่า นักลงทุนบางคนที่ผมรู้จักได้เข้ามาลงทุนในตลาด forex จนกลายเป็นเศรษฐี!

สิ่งแรกที่คุณ ควรจะเริ่ม นั้นคือ ขอเปิดพอร์ต forex แบบออนไลน์ จากนั้นคุณจะสามารถเข้าไปเทรดจากที่ไหนของโลกก็ได้ อย่าเพิ่งเลือกโบรคเกอร์แรกที่คุณพบ หาตัวเลือกจากหลายๆที่ แล้วลองชั่งน้ำหนัก ข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละที่ ก่อนจะตัดสินใจ โดยทัวไปแล้ว โบรคเกอร์ส่วนใหญ่ อนุญาติเปิดบัญชีขนาดเล็ก ซื้งนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น คุณสามารถฝากเงิน โดยใช้เงินเพียงแค่ $100 สำหรับการเริ่มต้น ด้วยระบบ Leverage ซึ่งจะทำให้คุณเปรียบเสมือนมีทุนในการลงทุนมากขึ้นอย่างน้อย 100 เท่า ของทุนจริงที่คุณมี นั้นก็คือ คุณสามารถควบคุมทุน $10,000 จากเงินทุนจริง $100 ของคุณได้

แต่ละโบรคเกอร์ จะมีโปรแกรมซึ่งแสดงกราฟราคา พร้อม indicator ให้เราได้ใช้ เราไม่จำเป็นต้องใช้ indicator ทั้งหมดที่โบรคเกอร์มีให้เพราะมันจะทำให้เราสับสน เราควรทำให้มันเรียบง่าย และเข้าใจง่ายที่สุด!

การตั้งและปรับค่าต่างๆ รวมถึงการทำความคุ้นเคยกับระบบของโบรคเกอร์ในบัญชีของคุณ ควรใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน

ระบบการเทรดนั้น เรียบง่าย ผมจะอธิบาย ระบบง่าย ๆ ซึ่งสามารถทำกำไรได้มาก และเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเข้ามาเทรดในตลาด forex

เริ่มแรก คุณต้องเลือก คู่สกุลเงินที่คุณต้องการเทรดก่อน จากนั้นคอยเรียนรู้ว่ามันเคลื่อนไหวอย่างไร (ตรงนี้ต้องใช้เวลา)

ดูกราฟแบบ 4 ชั่วโมง จากซูมออกมาจนกว่าจะเห็นช่วงเวลาได้ 2 เดือน ถ้ากราฟ เริ่มจากด้านล่าง และไต่ขึ้นบน นั้นหมายถึงเป็นขาขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้ากราฟเริ่มจากด้านบน และไต่ลงล่าง นั้นแสดงถึงขาลง

เราเทรดโดยดูจากแนวโน้ม ดูการเคลื่อนไหวของราคาว่ามัน เคลื่อนไหวไปทางเดียวกับแนวโน้มหรือไม่ ถ้าเคลื่อนไหวในทางเดียวกัน ใช้ระดับราคาที่ 50% ของแนวกลาง แนวรับ แนวต้าน ของราคา เป็นตัวประกอบการตัดสินใจเลือกจังหวะเข้าเทรด

เข้าเทรดเมื่อระดับราคาเหมาะสม โดยตั้งจุด cut-loss ไว้ที่ จุด ในการเข้าเทรดแต่ละครั้งอย่าเสี่ยงเข้าเทรดโดยใช้ทุนมากกว่า 3% ของบัญชีทั้งหมด

ตรงนี้เป้นจุดสำคัญ สำหรับความสำเร็จของคุณ! เมื่อคุณได้กำไร 100pip เพิ่มทุนเข้าไปครึ่งหนึ่งของการเทรดครั้งแรก คอยเฝ้าดูแนวโน้ม และเพิ่มทุนเข้าไป ทุก ๆ 50 pipsที่เพิ่มขึ้น จากกำไรที่เพิ่มมากขึ้น อย่าเพิ่งปิดการเทรด จนกว่าคุณจะมีเหตุผลที่บ่งชี้ชัดว่า เทรนนี้ ได้จบลงแล้ว

ในการเข้าเทรดครั้งแรกคุณจะไม่ได้ราคาที่วิ่งดีถึง 100 pips ทุกครั้ง แต่มันจะเกิดขึ้นอย่างน้อยเดือนละครั้ง และเมือคุณทำมันได้ คุณจะเห็นถึงประสิทธิภาพของระบบง่าย ๆ นี้ ในกรณีที่ราคาไม่สามารถขึ้นไปถึง 50 pip ได้ คุณก็ควรจะหยุดการเทรด และได้กำไรเล็กน้อย

นี้คือทั้งหมด เรียบง่าย แต่ใช้ได้ดี ได้ผลจริง และเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เข้ามาเทรดในตลาด forex

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,98.0.html

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Mark Douglas ทัศนคติแห่งการเก็งกำไร

Mark Douglas เซียนหุ้นที่เป็นที่ยอมรับกันว่า เขามีความชำนาญ และแนวคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับแง่มุมทางด้านจิตวิทยาการลงทุนเป็นอย่างสูง ในระดับต้นๆของโลก โดยเขาได้เคยเขียนหนังสือหุ้นไว้สองเล่มที่โด่งดังมาก และถือเป็น Must Read! เลยทีเดียวนั่นก็คือ The Discipline Trader และ Trading in The Zone


Douglas เริ่มต้นการเก็งกำไรในตลาด Future ในปี 1978 โดยขณะนั้น เขาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง จนเมื่อมีโบรกเกอร์โทรมาชักชวนให้เขาลงทุน เขาจึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเก็งกำไรในทองคำ และหลังจากนั้นมา เขาก็หลงใหลในการเก็งกำไรเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจลาออกจากงานผู้บริหาร และสมัครเข้าทำงานใน Merrill Lynch ด้วยการเป็นโบรกเกอร์แทน!!!!

ภายใน 9 เดือน Douglas ก็หมดตัว!!! เขาสูญเสียเงินสะสมทั้งหมดที่มีไปกับการเก็งกำไร แต่นั่นกลับกลายเป็นพลังให้เขาลุกขึ้นต่อสู้ และก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่เขาเลือก เพราะอย่างน้อยเขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ เขาเรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วการเก็งกำไรนั้น มันคือการต่อสู้กับจิตใจของเราเอง โดยมุมมอง และทัศนคติของเขานั้น มีส่วนสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดในการเก็งกำไร และนั่นทำให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาคิด คือสิ่งที่สำคัญมาก และนั่นทำให้หลังจากนั้น เขาเริ่มเขียนบันทึกประจำวันอย่างละเอียด

"ผมได้เขียนถึงพฤติกรรมการเก็งกำไรของผม สภาวะจิตใจของผม และสภาวะจิตใจที่เกิดขึ้นกับของลูกค้าของผม โดยผมได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับรูปแบบพฤติกรรมที่ผมสังเกตเห็น ไม่เพียงแต่เฉพาะจากตัวของผม แต่รวมถึงทุกๆคนที่อยู่ในออฟฟิต และจากนักเก็งกำไรในห้องค้า (Floor Trader) ซึ่งผมรู้จักอีกด้วยครับ"

หลังจากเขาเทรดมาได้ 3 ปี เขายังไม่สามารถที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ จนทั้งครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขาต่างคิดว่าเขาบ้าที่ตัดสินใจออกมาจากงานบริหารที่ทำอยู่ แทบจะไม่มีใครที่ยอมรับเขาเลย และเขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ยังซ่อนอยู่ในใจ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหันหลังกลับ เขาใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะทำตามความฝัน ในที่สุดจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาก็มาถึง

"เมื่อผมคิดได้ว่าผมจะต้องทำได้!! (ซึ่งผมจำไม่ได้ว่ามันใช้เวลานานแค่ไหน) และหลังจากที่ผมรู้สึกได้อย่างนั้น ความกลัวของผมก็หายไป ผมตระหนักถึงคุณค่าในตัวของผมมากกว่าที่เคยเป็น ผมรู้สึกว่าผมยังสามารถคิดได้ ผมยังสุขภาพดีอยู่ ผมมีพรสวรรค์ และเมื่อผมตระหนักถึงคุณค่าในตัวของผมได้ ความกลัวทุกอย่างก็หายไปในทันที ผมเห็นรูปแบบพฤติกรรมที่คอยปิดกั้นความสำเร็จของตัวผม และของนักเก็งกำไรคนอื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะขัดขวางเราจากความสำเร็จ และมันทำให้ผมเห็นในสิ่งที่นักเก็งกำไรจำเป็นต้องทำเพื่อความสำเร็จของพวกเขา หลังจากนั้นในช่วงหน้าร้อนปี 1982 ผมจึงเริ่มต้นเขียนหนังสือ The Discipline Trader และก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนของผมขึ้นครับ"

Douglas อธิบายรูปแบบพฤติกรรมที่คอยขัดขวางนักเก็งกำไรจากความสำเร็จ ว่าความผิดพลาดต่างๆ เช่นการที่คุณมักจะเข้าซื้อเร็วเกินไป ก่อนที่ตลาดจะมีสัญญาณเกิดขึ้น หรือไม่ก็ช้าเกินไป หลังจากที่ตลาดเกิดสัญญาณขึ้นนานแล้ว หรือแม้กระทั่งการขาดทุนมากขึ้นกว่าเดิม จากการที่คุณเลื่อนจุดตัดขาดทุนของคุณออกไป ความผิดพลาดนี้มันเกิดมาจากความกลัวหลักๆ 4 ชนิด ที่นักเก็งกำไรชั้นยอดนั้นจะคอยจัดการกับมันอยู่เสมอ

ความกลัว 4 ชนิด นั่นก็คือ ความกลัวที่จะผิดพลาด ความกลัวที่จะขาดทุน ความกลัวที่จะพลาดโอกาสไป และสุดท้ายคือความกลัวที่จะปล่อยให้กำไรหลุดลอยไป ซึ่งเขาพบว่า ความกลัวทั้ง 4 ชนิดนี้คือตัวการหลักๆที่ทำให้เราทำในสิ่งที่ผิดในการเก็งกำไรมากกว่า 90% ซึ่งความกลัวดังกล่าวมันถูกบ่มเพาะมาจากวัฒนธรรมและสังคมของพวกเราเอง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครสักคนจะเติบโตมาโดยไม่เคยเรียนรู้ที่จะต้องกลัวบางสิ่ง

สำหรับนักเก็งกำไรนั้น พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจขาดทุนได้ตลอดเวลา แต่พวกเราไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน เพราะหากเรายอมรับมัน มันจะทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เราต้องสูญเสียบางสิ่งไป พวกเขาจึงพยายามหนีความจริง และจากการที่เราพยายามหนีมัน นั่นทำให้ทุกๆอย่างยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

Douglas แนะนำว่า คุณต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคุณ โดยการเปลี่ยนมุมมองและให้ความหมายกับคำว่าขาดทุนเสียใหม่ว่าการขาดทุนจริงๆแล้วมันหมายความว่าอะไร สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคุณหลายๆอย่างที่เป็นตัวการทำให้คุณตีความหรือแปลความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตลาดในทางลบหรือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด คุณจะต้องสร้างความเชื่อและทัศนคติชุดใหม่ขึ้นมา ที่จะทำให้คุณสามารถตีความหรือแปลความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตลาดได้อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไร้ความกังวลต่างๆ รวมถึงความเชื่อชุดใหม่ที่จะทำให้คุณสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มความสามารถของคุณ

สิ่งที่แยกนักเก็งกำไรหรือนักลงทุนชั้นยอดออกจากคนทั่วๆไป นั่นคือนักเก็งกำรชั้นยอดนั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การลงทุนซื้อ-ขาย แต่ละครั้งนั้น ผลลัพธ์ของมันไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับการซื้อขายครั้งที่ผ่านๆมาเลย ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเหมาะสม มันก็เหมือนการโยนเหรียญหัวก้อย ผลของการโยนเหรียญครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับครั้งที่แล้วหรือครั้งไหนๆ

สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้ให้ความสนใจ เมื่อพวกเขาเริ่มต้นเข้ามาเก็งกำไรหรือลงทุนนั่นก็คือ พวกเขาไม่ได้คิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจมาก จริงๆแล้วตลาดนั้นไม่สามารถที่จะบังคับหรือไม่มีผลต่อคุณในการกำหนดมุมมองการรับรู้ หรือแปลความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดของตัวคุณเองเลย แต่มันเกิดขึ้นมาจากกลไกทางจิตวิทยาในตัวคุณซึ่งจะคอยควบคุมการรับรู้และแปลผลของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในตัวของคุณเอง และในฐานะที่คุณเป็นนักเก็งกำไรหรือนักลงทุน ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อให้เกิดกำไรที่สม่ำเสมอขึ้นมาก็คือ การควบคุมกระบวนการในการรับรู้ และแปลความหมายของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ในทางที่คุณจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเหมาะสม และไร้ความวิตกกังวลนั่นเอง

ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ “ความกลัว” นั่นเอง เนื่องจากจิตใจของเรานั้นถูกออกแบบมาให้หลีกเลี่ยงจากความเจ็บปวด จากกลไกทางจิตวิทยาที่อยู่ทั้งใต้จิตสำนึกของเราและจิตสำนักของเราเอง และนี่คือตัวการใหญ่ตัวหนึ่งที่พวกเรามักจะมองข้ามมันไป ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าความกลัวนั้น นอกจากจะทำให้จิตใจของเราอ่อนแอลงไป แต่มันทำให้มุมมองหรือวิสัยทัศน์ของเราย่ำแย่ลงไปด้วย ความกลัวนั้นจะทำให้มุมมองของเราแคบลงไปเพราะเรามัวแต่เพ่งอยู่กับสิ่งที่เรากลัว ซึ่งจะมีผลต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เข้ามาในทุกๆช่วงขณะเวลานั่นเอง

ยิ่งในเรื่องของการเก็งกำไรหรือการลงทุนแล้ว มันยิ่งเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของเราเองขึ้นอีก เนื่องจากจริงๆแล้วตลาดนั้นไม่ได้สร้างข้อมูลที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองเลย สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาคือข้อมูลดิบ ซึ่งสามารถทำให้เรารับรู้มันในแนวทางที่เจ็บปวดขึ้นมาหรือในแนวทางที่พึงพอใจขึ้นมาควบคู่กันไปอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณได้เข้าไปซื้อหุ้นไว้ แต่ภาพของตลาดโดยรวมนั้นกลับกลายเป็นขาลง และโชคร้ายเหลือเกินที่การเด้งขึ้นมาในแต่ละครั้งมันทำให้ผมตัดสินใจถือมันต่อไป เพราะช่วงที่ตลาดเด้งสวนขึ้นมานั้น จะทำให้เกิดความหวังขึ้นมานั่นเอง และจุดนี้เองที่ความกลัวของคุณจะเข้ามามีผลทำให้คุณจดจ่อความสนใจไปที่การเด้งขึ้นมาของตลาดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากคุณได้ให้ความสำคัญกับการเด้งขึ้นมาของตลาดมากกว่าอย่างอื่น และทำให้คุณจะพยายามทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อจะบอกกับตัวเองว่าคุณจะไม่เป็นอะไร คุณจะพยายามหาเบาะแสเพื่อให้คุณสบายใจว่ามันจะเด้งขึ้นมาอีก และถึงแม้ว่าตลาดยังจะเคลื่อนที่เป็นขาลงต่อไป คุณก็จะไม่อยากรับรู้มัน คุณจะพยายามมองและรับรู้ว่าการเด้งขึ้นมาในแต่ละครั้งของตลาดเป็นจุดกลับตัวขึ้นของมัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณจะเริ่มยอมรับความจริงเมื่อราคามันตกไปจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว.....

ตลาดหุ้นมันไม่ใช่อะไรอื่น มันเป็นเพียงสิ่งสะท้อนอารมณ์ความโลภและความกลัวของนักลงทุน ซึ่งส่งผลต่อระดับราคา มันไม่มีเหตุผลและไม่ใช่ตรรกะ ในตลาดหุ้น 1+1 อาจไม่ได้เท่ากับ 2 ดังนั้น เลิกหาเหตุผลให้มัน แต่จงเข้าใจในสิ่งที่มันเป็น และเมื่อตลาดคือสิ่งที่สะท้อนอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ เมื่อคุณอยากเข้าใจมัน ชนะมัน และทำเงินจากมัน คุณก็ต้องเข้าใจอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ ซึ่งมันก็คือการเข้าใจจิตใจของตัวเอง ดังนั้นจงพัฒนาการรับรู้ บริหารจิตใจและอารมณ์ของตัวคุณให้ดี แล้วคุณจะพบว่าเคล็ดลับความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้อยู่ที่ไหน มันอยู่แค่....ภายในใจของคุณเองนี่แหละ

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,66.0.html

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความจริงเกี่ยวกับการเทรด Forex

ผมเชื่อว่าหลายคนเข้ามาในตลาดแห่งด้วยสายตาที่คิดว่าตลาดแห่งนี้จะมีเงินทอง ไหลมาเทมา บางคนฝันว่าตัวเองจะได้มีรถสปอร์ตหรูขับ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเทรดเดอร์น้อยคนมากที่สามารถไปถึงจุดนั้นได้จริง ๆ แล้วความเป็นจริงคืออะไรละ?

สิ่งที่เป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริงสำหรับการเทรด
มัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีทุนเท่าไหร่ในการอยู่ในตลาดแห่งนี้คุณเอาเงินเข้ามาใน ตลาดเท่าไหร่คุณก็จะได้ออกไปในจำนวนประมาณนั้นละครับ มันต่างกันมากเลยระหว่างคนที่เข้ามาในตลาดด้วยเงิน 1000$ กับคนที่เอาเข้ามาด้วยจำนวนเงิน 100, 000$ หากเทียบกันแล้วคนที่มีโอกาสจะได้ในชีวิตเทรดเดอร์ชิว ๆ ก็ต้องเป็นคนที่มีทุนมากกว่าใช่ไหมละครับ มันเป็นการคำนวณตัวเลขง่าย ๆ เลย ยิ่งมีเงินในบัญชีมากเท่าไหร่นั่นก็หมายความว่าคน ๆ นั้นก็ไม่ต้องเทรดอะไรมากก็สามารถเทรดไปวัน ๆได้อย่างสบายใจและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการเทรดจริง ๆ ได้

คุณล้อผมเล่นรึเปล่า?
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนจะมีคำถามทันทีเลยว่า “งั้นก็ออกจากงานที่ทำเลยดิแล้วทุ่มเงินสัก 10000$ มาลงกับ Forex เลย” งั้นลองมาดูตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ
ตัวอย่าง
สมมุติว่าคุณต้องการเงิน 50000$ ต่อปีถึงจะเพียงพอต่อการมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเทรด
บัญชีของนาย A มี 10000$ ถ้าจะทำ 50000$ จะต้องทำถึง 500% ต่อปี
บัญชีของนาย B มี 200,000$ ถ้าจะทำ 50000$ ทำ 25% ต่อปีก็เพียงพอละ
จาก ตัวอย่างข้างบนแสดงให้เห็นชัด ๆ เลยครับว่าเทรดเดอร์ เอ ต้องทำให้ได้ตั้ง 500% ถึงจะอยู่รอดได้ทั้งปีในขณะที่เทรดเดอร์ บี ที่มีเงินมากกว่าขอแค่ 25% ของพอร์ตก็อยู่ได้ละ อันนี้ยังไม่รวมความเสี่ยงหรือการเพิ่ม lot ของวิธีเทรดของแต่ละคนอีกนะครับ แล้วการที่ต้องเทรดมากกว่า 5% ของพอร์ตต่อเดือนถือเป็นความเสี่ยงมาก ๆ บางคนอาจจะพูดว่า “5% ของพอร์ตต่อเดือน นิดเดียวเอง” แต่ 5% รวมกัน 12 เดือนก็เท่ากับ 60% เลยนะครับและถ้าหากคุณเพิ่ม lot อีกละ ความเสี่ยงของคุณอาจจะพุ่งสูงขึ้นถึง 80% ของพอร์ตเลยทีเดียว



ความเพ้อฝันส่งผลอะไรกับบัญชีของเรา?
หลาย ๆ คนคิดวิธีการบริหารการเงินที่สวยหรูมากเช่น 100 orders ก็สามารถรวยได้เลยเป็นต้น พอมีคนถามว่าแล้วถ้าเสียละ? ก็อึ้งกันไปเลยนี่เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนพลาดเพราะลืมคิดไปว่าถ้าเสียจะทำยังไงและสิ่งที่ทำให้แผนอันสวยหรูต้องพัง พินาศลงก็คือ 2 สิ่งนี้
ข้อที่ 1: การ Overtrade
ข้อที่ 2: ใส่ lot มากเกินไปในการเทรดแต่ละครั้ง
การ overtrade เป็นอะไรที่พบเห็นได้บ่อยไม่ว่าจะเทรดเดอร์มือใหม่มือเก่าที่ยังไม่หลุดออก จากความเพ้อฝันของตัวเอง พวกเขาจะมีความคิดว่ายิ่งเทรดมากก็ยิ่งได้มากแต่ความจริงแล้วมันตรงกันข้าม เลย การที่ยิ่งเทรดมากในตำแหน่งที่ตัวเทรดเดอร์คนนั้น ๆ ไม่ได้เปรียบมีแต่จะทำให้เสียมากขึ้นต่างหาก
การลง lot ที่หนักไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เงินของคุณหายไปได้ในพริบตาเช่นเดียวกัน เทรดเดอร์หน้าใหม่บางครั้งเวลาที่ได้เงินมาเยอะ ๆ ในช่วงแรกจะคิดว่าพวกเขาทำได้และใส่ lot หนักกว่าเดิมเพราะอยากรวยไว ๆ และสุดท้ายการเทรดก็จะไม่ต่างอะไรไปจากการพนันในที่สุดและบัญชีของพวกเขา เหล่านั้นก็ต้องกลายเป็น 0 และเดินออกจากตลาดไปในที่สุด

ความจริงแล้ว “อะไร” ที่จะทำให้เราเป็นเทรดเดอร์ที่แท้จริงได้
ก่อน อื่นเลยหากคุณเคยล้างพอร์ตหรือมีประสบการณ์การเทรดมาแล้วในระดับหนึ่งเมื่อ คุณมาถึงตรงนี้แล้วคุณต้องยอมรับความจริงข้างบนให้ได้เสียก่อน จากนั้นความจริงอีกข้อที่คุณต้องเข้าใจคือ เทรดเดอร์แต่ละคนไม่มีทางที่จะเหมือนกัน วิธีการคิด วิธีการเทรด วิธีการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ขับขันย่อมแตกต่างกันออกไปแล้วแต่คน การเรียนรู้ ที่จะเทรดแบบ Price Action เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับเทรดเดอร์ในการเป็นเทรดเดอร์ที่ ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะเทรดในแบบของคุณและมีการบริหารเงินที่อยู่บนความเป็น จริงจะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในที่สุด
ที่ผมเลือกบท ความนี้มาแปลเพราะผมคิดว่าคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ความจริงอยู่ว่าสิ่ง ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่มันคืออะไร มันโหดร้ายแค่ไหน ไม่มีอะไรในโลกได้มาโดยง่ายครับ ยิ่งเป็นอิสรภาพทางการเงินด้วยแล้วยิ่งเป็นของมีค่ามาก ๆ มันก็ยิ่งยาก มันไม่ผิดที่คุณจะฝันถึงการได้ขับรถสปอร์ตด้วยเงินจาก Forex แต่คุณก็ต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยว่าตลาดนี้มันมีความเสี่ยงอยู่ จากการคำนวณข้างบนอย่าคิดนะครับว่าอ่านบทความนี้จบแล้วจะขายทุกอย่างเพื่อ เอาเงินทั้งหมดมาแล้วทำให้ตัวเองอยู่ได้เพียง 25% ต่อปี คุณยังต้องคิดอีกว่า คุณมีประสบการณ์มากพอไหม คุณเทรดเก่งแล้วรึเปล่า คุณรู้วิธีแก้ไขสถานการณ์ที่เหมาะสมกับตัวเองแล้วหรือยังและความจริงอีกข้อ หนึ่งคือคุณไม่สามารถทำให้ 100$ กลายเป็น 1 ล้านเหรียญได้แต่ 100$ สามารถกลายเป็น 500$ ได้ 500>1000$ 1000>2000 2000>4000 ได้ มันต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปครับเมื่อเงินเยอะขึ้นคุณจะสามารถลง lot ได้มากขึ้นไม่ต้องรีบร้อนขอเพียงคุณมีกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมรับรองว่า เงินของคุณไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://siammetatrader.com/index.php/topic,148.0.html

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Pips และ Lots คืออะไร

ทำความรู้จักกับ Pips และ Lots กันก่อน
- คุณอาจจะได้เคยได้ยินคำว่า  pips และคำว่า Lots ผมจะขยายความว่ามันคืออะไรและคำนวณกันอย่างไร
- คุณ ควรใช้เวลากับเรื่องนี้มากพอสมควร มันเป็นความรู้ที่เทรดเดอร์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ อย่าพึ่งนึกถึงเรื่องการเทรดจนกว่าคุณจะเข้าใจคำว่า pips และสามารถคำนวนกำไรและขาดทุนได้

คำว่า Pip คืออะไร
โดย ทั่วไป การเพิ่มขึ้นของค่าเงินนั้นจะบอกเป็น Pip ถ้า EUR/USD เคลื่อนที่จาก 1.2250 ไปที่ 1.2251 นี่คือเคลื่อนที่ไป 1 pip  PIP คือ จุดทศนิยมตัวสุดท้ายซึ่งถูกอ้างอิงจากราคาปัจจุบันของตลาด กำหนดให้มีสี่ตำแหน่งที่ใช้กัน ในบางโบรกเกอร์อาจจะมีถึงห้าตำแหน่ง  PIP เป็นสิ่งที่บอกให้คุณรู้ว่า คุณได้กำไรหรือขาดทุน โดยแต่ละค่าเงินก็มีค่างของตัวมันเอง มันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องคำนวนค่าของ pip สำหรับค่าเงินนั้นๆ ค่าเงินที่ USD ขึ้นก่อน สามารถคำนวณได้ดังนี้

เช่น USD/JPY อยู่ที่ ราคา 119.80(โดยส่วนมากจะมีทศนิยมสองตำแหน่ง ) ในกรณีนี้ 1 pip เท่ากับ 0.01
ดังนั้น
USD/JPY
119.80
0.01 หารด้วย อัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.01/119.80 = 0.0000834
ดูเหมือนกับกว่ามีตัวเลขที่เยอะมากแต่เราจะอธิบายตัวเลขนี้ในภายหลัง
USD/CHF
1.5250
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.0001/1.5250 = 0,0000655

USD/CAD
1.4890
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.0001/1.48990 = 0.00006715

และในกรณีที่ US ดอลล่าร์ ไมได้อยู่เป็นตัวแรก และเราต้องการที่จะได้รับเป็นค่าของดอลล่า เราทำได้ดังนี้
EUR/USD
1.2200
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pips value
ดังนั้น
0.0001/1.2200 = EUR 0.00008196
แต่พวกเราต้องการทำให้เป็นหน่วย US ดอลล่าร์ เราจึงต้องคำนวนใหม่เป็น
EUR คูณ อัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นจะเท่ากับ
0.00008196 * 1.2200= 0.00009999
เราปัดทศนิยมให้เป็นสี่ตำแหน่งจะได้เป็น 0.0001

GBP/USD
1.7975
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
ดังนั้น
0.0001/1.7975 =GBP 0.0000556
แต่เราต้องการทำให้เป็นหน่วยของ US ดอลล่าร์ ซึ่งคำนวนได้ดังนี้
GBP*อัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นจะได้เท่ากับ
0.0000556*1.7975=0.0000998
เราปัดเป็นทศนิยมสี่ตำแหน่งเป็น 0.0001

สำหรับ ค่าเหล่านี้ คุณไม่ต้องคำนวนอะไร เราอยากให้ทราบถึงที่มา ว่ามันมาอย่างไร ทั้งหมดนี้ โบรกเกอร์จัดการให้คุณแบบอัตโนมัติ  มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณควรจะรู้ว่ามัน ทำงานอย่างไร

Lots คืออะไร
ใน ตลาด Forex เทรดเป็นจำนวน Lots ,   ขนาดมาตรฐานสำหรับ Lot คือ 100000 units และมี Mini lot size ที่ 10000 units เมื่อคุณรู้แล้วว่า ค่าเงินนั้นวัดค่าเป็น pips ซึ่งเป็นการเพิ่มทีละน้อยของค่าเงินนั้น ซึ่งข้อดีของการเพิ่มทีละน้อย มันทำให้คุณสามารถเทรดได้จำนวนมากๆในแต่ละค่าเงินที่คุณเลือก และสามารถคำนวณกำไร ขาดทุนได้

สมมติว่าเราใช้ 100000 units (Standard size) เราจะคำนวนใหม่ให้เห็นค่าของ pip value
USD/JPY ที่อัตราแลกเปลี่ยน 119.80
(.01 / 119.80) x 100,000 = $8.34 per pip)

USD/CHF at an exchange rate of 1.4555
(.0001 / 1.4555) x 100,000 = $6.87 per pip)

EUR/USD at an exchange rate of 1.1930
(.0001 / 1.1930) X 100,000 = 8.38 x 1.1930 = $9.99734 rounded up will be $10 per pip)

GBP/USD at an exchange rate or 1.8040
(.0001 / 1.8040) x 100,000 = 5.54 x 1.8040 = 9.99416 rounded up will be $10 per pip.)

ซึ่ง โบรกเกอร์ของคุณอาจจะมีข้อตกลงที่แตกต่างกันในการคำนวน pip value สัมพันธ์กับ Lot size แต่ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตามหนทางที่พวกเขาทำ พวกเขาจะต้องแจ้งให้คุณทราบ pips value ของการเทรดของคุณที่เวลานั้นๆ เป็นเท่าไร ขณะที่ตลาดมีการเคลื่อนตัว  pip value จะขึ้นอยู่กับค่าเงินอะไร ที่คุณเทรดอยู่ ณ ปัจจุบัน

คุณสามารถคำนวนกำไรและขาดทุนได้อย่างไร
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าจะสามารถคำนวน Pip value ได้อย่างไร ต่อไปนี้มาดูวิธีการคำนวนกำไรและขาดทุนของคุณ

Buy USD และ Sell Swiss francs
ที่อัตราที่แสดงราคาคือ 1.4525/1.4530  เพราะว่าคุณได้  Buy US คุณจะได้ราคา 1.4530
ไม่กี่นาทีผ่านไป ราคาเคลื่อนที่ไปที่ 1.4550 และคุณตัดสินใจที่จะปิดออเดอร์ของคุณ
ราคาที่แสดงใหม่ของ USD/CHF คือ  1.4550/1.4555
ผลต่างระหว่าง 1.4530 ถึง 1.4550 คือ 20 pips
ใช้สูตรก่อนหน้านี้ในการคำนวนจะได้
(.0001/1.4550) x 100,000 = $6.87 per pip x 20 pips = $137.40

จำไว้ว่า เมื่อคุณจะเข้าเทรด หรือออกจากการเทรด ให้คุณดูเสปรดในราคา  bid/offer(ask)

ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://siammetatrader.com/index.php/topic,68.0.html

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิธีการสมัครเปิดบัญชี Exness Forex





- เข้าสู่เว็บไซต์ www.exness.com
- เลือกภาษาที่เราต้องการ (ภาษาไทย)
- เลือกบัญชีการซื้อขาย

- แนะนำเลือกเปิดบัญชี MINI

- กรอกข้อมูล อีเมลล์ เบอร์โทร

- กรอกชื่อ-สกุล (ภาษาอังกฤษ)
- เลือก leverage และสกุลเงิน
- กรอกรหัสที่ได้รับทาง SMS และอีเมลล์

- แนะนำเลือกประเภทรักษาความปลอดภัยเป็นแบบ โทรศัพท์เคลื่อนที่
- สร้างรหัสผ่าน

- เลือกโบนัสที่ต้องการ

- ข้อมูลบัญชีที่เราเปิด

- จะมีอีเมลล์ 3 ฉบับ ส่งเข้าอีเมลล์ของเราเป็นข้อมูลทางบัญชีต่างๆ โปรดอ่านและเก็บไว้ดีดีครับ

วิธีสมัคร HotForex





1.เข้าไปที่หน้าเว็บเพื่อนสมัคร www.hotforex.com


2. กรอกข้อมูลของคุณ เลือกประเภทบัญชีและใส่ข้อมูลรายได้และอาชีพ เลือกบัญชีโบนัส หรืออาจจะไม่เลือกก็ได้ อย่าลืมอ่านเงื่อนไขในการรับโบนัสด้วย จากนั้นตอบโจทย์ Security Questions แล้วคลิ๊กที่กล่องสี่เหลี่ยมด้านล่าง
เพื่อยอมรับเงื่อนไขต่างๆ แล้วกด Open Live Account



3. หลังจากนั้นคุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดี แล้วให้คุณไปเช็คเมล์ของคุณ คุณจะได้รับลิงค์เพื่อยื่นยันตัวตน ให้กดที่ลิงค์นั้น


4. เมื่อกดลิงค์ที่ได้รับจากเมล์แล้ว คุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดีอีกครั้งสำหรับการยืนยันเมล์ของคุณ  และคราวนี้
ทางโบรคเกอร์ก็จะส่งหมายเลข ID และ Password ไปให้คุณทางเมล์ คุณก็เข้าไปเช็คเมล์ของคุณอีกรอบ


5. อีเมล์ที่คุณได้รับจะมีหน้าตาแบบนี้  จะมีID และ Password 2 ชุด ชุดแรก จะใช้กับการล็อกอิน เข้าเว็บไซด์ ส่วนอีกชุด
จะใช้ล็อกอิน เข้าโปรแกรม MT4 และ จะมีลิ้งค์ ดาวน์โหลด โปรแกรมเทรด MT4 และลิงค์เพื่อเข้าหน้ารายการหลักของคุณ เลือกที่ MyHotForex เพื่อเข้าหน้าหลักของคุณ


6. ใส่รหัส ID และ Password เพื่อเข้าหน้าเว็บหลักของคุณ


7. การยืนยันตัวตน เมื่อเข้าหน้าหลัก ให้คุณเลือกข้อ 1 เพื่อเข้าไปทำการยืนยันตัวตน


8. หลังจากนั้นอัพโหลดไฟล์ บัตรประชาชน,พาสปอร์ต หรือใบขับขี่ ไปเพื่อยืนยันตัวบุคคล (PLE) และอกสารใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ บิลต่างๆที่มีชื่อคุณอยู่ในนั้น เพื่อยืนยันที่อยู่ (POA) ไฟล์เอกสารที่ส่งจะต้องเป็น PDF หรือ JPG format เท่านั้น

จากนั้นคุณก็แค่รอให้ทางโบรคเกอร์ตรวจสอบและอนุมัติเท่านั้น ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนสมัครเรียบร้อยค่ะ






1.เข้าไปที่หน้าเว็บเพื่อนสมัคร www.hotforex.com


2. กรอกข้อมูลของคุณ เลือกประเภทบัญชีและใส่ข้อมูลรายได้และอาชีพ เลือกบัญชีโบนัส หรืออาจจะไม่เลือกก็ได้ อย่าลืมอ่านเงื่อนไขในการรับโบนัสด้วย จากนั้นตอบโจทย์ Security Questions แล้วคลิ๊กที่กล่องสี่เหลี่ยมด้านล่าง
เพื่อยอมรับเงื่อนไขต่างๆ แล้วกด Open Live Account



3. หลังจากนั้นคุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดี แล้วให้คุณไปเช็คเมล์ของคุณ คุณจะได้รับลิงค์เพื่อยื่นยันตัวตน ให้กดที่ลิงค์นั้น


4. เมื่อกดลิงค์ที่ได้รับจากเมล์แล้ว คุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดีอีกครั้งสำหรับการยืนยันเมล์ของคุณ  และคราวนี้
ทางโบรคเกอร์ก็จะส่งหมายเลข ID และ Password ไปให้คุณทางเมล์ คุณก็เข้าไปเช็คเมล์ของคุณอีกรอบ


5. อีเมล์ที่คุณได้รับจะมีหน้าตาแบบนี้  จะมีID และ Password 2 ชุด ชุดแรก จะใช้กับการล็อกอิน เข้าเว็บไซด์ ส่วนอีกชุด
จะใช้ล็อกอิน เข้าโปรแกรม MT4 และ จะมีลิ้งค์ ดาวน์โหลด โปรแกรมเทรด MT4 และลิงค์เพื่อเข้าหน้ารายการหลักของคุณ เลือกที่ MyHotForex เพื่อเข้าหน้าหลักของคุณ


6. ใส่รหัส ID และ Password เพื่อเข้าหน้าเว็บหลักของคุณ


7. การยืนยันตัวตน เมื่อเข้าหน้าหลัก ให้คุณเลือกข้อ 1 เพื่อเข้าไปทำการยืนยันตัวตน


8. หลังจากนั้นอัพโหลดไฟล์ บัตรประชาชน,พาสปอร์ต หรือใบขับขี่ ไปเพื่อยืนยันตัวบุคคล (PLE) และอกสารใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ บิลต่างๆที่มีชื่อคุณอยู่ในนั้น เพื่อยืนยันที่อยู่ (POA) ไฟล์เอกสารที่ส่งจะต้องเป็น PDF หรือ JPG format เท่านั้น

จากนั้นคุณก็แค่รอให้ทางโบรคเกอร์ตรวจสอบและอนุมัติเท่านั้น ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนสมัครเรียบร้อยค่ะ

วิธีสมัคร IronFX





1.เข้าไปที่หน้าเว็บเพื่อสมัคร http://www.ironfx.com/

2. กรอกข้อมูลเบื้องต้น


3. กรอกรายละเอียดของเราซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีตามตัวอย่าง


4. ขั้นตอนการยืนยันตัวตน ด้วยการส่งเอกสาร เราอาจจะทำทีหลังก็ได้ โดยการยืนยันตัวบุคคล จะใช้เป็น บัตรประชาชน พาสปอร์ต หรือ ใบขับขี่ และการยืนยันที่อยู่ จะใช้เป็นใบเสร็จ บิลเรียกเก็บเงินต่างๆก็ได้ แต่ในส่วนของการยอมรับเงื่อนไขต้องทำเครื่องหมายด้วยก่อนที่จะดำเนินการขั้นต่อไป



หลังจากจบขั้นตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อย จะมีหน้าแสดงความยินดีขึ้นมา แล้วตัดเข้าไปที่จะทำการฝากเงินเข้าบัญชี และเมนูหลักอื่นๆขึ้นมาให้ สังเกตว่าด้านบนจะเป็นชื่อ และชื่อเล่นทีคุณตั้งให้กับพอร์ตของคุณอยู่


5. เมนูการเลือกฝากเงิน


สำหรับเรื่องการฝากถอนเงิน ถ้าคุณฝากทางช่องทางไหน ก็จะต้องถอนผ่านช่องทางนั้น ส่วนการฝากผ่านบัตร เครดิต เดบิต เวลาถอนคุณจะถอนผ่านบัตรได้เฉพาะเงินต้นที่คุณฝาก ส่วนกำไรส่วนต่างทางโบรคเกอร์จะส่งให้คุณผ่านทางธนาคาร

วิธีสมัคร ROBOforex





เข้าสู่เว็บไซต์ http://www.roboforex.com
กดเปิดบัญชีที่ปุ่ม Open live account ตามรูปภาพด้านล่าง


กรอกรายละเอียด ให้ครบทุกช่อง ตามตัวอย่างด้านล่าง กด Confirm เพื่อยืนยันการสมัคร

- ต้องการรับเงินฟรี ต้องเลือก บัญชีแบบ Pro-Cent หรือ Fix-Cent
- แนะนำให้เลือก Pro-Cent เพราะ ทศนิยม 5 ตำแหน่ง
- แนะนำให้เลือก เลือก Leverage  1 :500
- ถ้าทุนเยอะ แนะนำให้เปิดแบบ Pro-Standard ไปเลยนะครับ Deposits ขั้นต่ำ 50 เหรียญ

เปิดที่อีเมล์ เพื่อรับ Code ยืนยันการเปิดบัญชี


การยืนยันสามารถทำได้ 2 อย่างคือ กดที่ลิงค์เมล์ หรือนำ Code กรอกยืนยันก็ได้



ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ระบบจะขึ้นว่า การสมัครเรียบร้อยแล้ว จะโชว์รายละเอียดบัญชีที่เปิด


หลังจาก Verify บัญชีเรียบร้อยแล้ว สามารถขอ Bonus ฟรี 5 $ ได้

วิธีสมัคร FBS


1. เข้าสู่เว็บไซต์ http://www.fbs.com  คลิกที่ “เปิดบัญชี Live


2. กรอกข้อมูลเพื่อทำการเปิดบัญชี



3.ให้คุณเข้าไปเช็คเมล์ของคุณเพื่อทำการยืนยันอีเมล์


4.เข้าไปที่เมล์ของคุณคลิกลิงค์เพื่อยืนยันที่อยู่อีเมล์


5. จากนั้นคุณจะมาที่หน้าให้ใส่ข้อมูลยืนยันการติดต่อของคุณมีให้เลือกทั้งทาง โทรศัพท์ และอีเมล์ สังเกตว่า ถ้าคุณเลือกเป็น SMS คุณจะมีสิทธิได้รับโบนัส $5 โดยอัตโนมัติ (สำหรับบัญชีไมโครเท่านั้น 1 คนมีสิทธิรับได้เพียง 1 ครั้ง)


6. ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์และ รอรับรหัส ทาง SMS


7. รอรับ SMS แล้วกรอกลงในช่อง ในส่วนที่2 ** ถ้าคุณมีปัญหาในการรับ SMS คุณสามารถเลือกเป็นทางอีเมล์ได้แต่สำหรับบัญชีไมโคร ก็จะหมดสิทธิ์ในการรับฟรีโบนัส $5 ด้วย


หากคุณทำการยืนยันด้วยอีเมล์จะมีหน้าที่เป็นข้อตกลงให้คุณทำเครื่องหมายในช่องยอมรับข้อตกลง แล้วกด Submit


มาถึงขั้นตอนนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นการเปิดบัญชี FBS แล้ว